สงขลา-การเมืองท้องถิ่น  ไพร เผย เทศบาลนครหาดใหญ่ ไม่อู้ฟู่ อย่างที่คิด หวังคนรุ่น “gen M” จะร่วมเปลี่ยนแปลง หาดใหญ่ อีกครั้ง

สงขลา-การเมืองท้องถิ่น  ไพร เผย เทศบาลนครหาดใหญ่ ไม่อู้ฟู่ อย่างที่คิด หวังคนรุ่น “gen M” จะร่วมเปลี่ยนแปลง หาดใหญ่ อีกครั้ง

 

 

ดร.ไพร พัฒโน ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ทีม ที่ลงรับเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา อดีตนายก 3 สมัย ที่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อยู่ในฐานะของผู้ที่เสียเปรียบ เพราะ ผู้สมัครทุกทีม ต่างชูสโลแกนคำว่า”เปลี่ยน” เพื่อหวังที่จะ”เปลี่ยน” ทีมผู้บริหารชุดเดิมจาก ทีมของ ดร.ไพร พัฒโน ให้ได้ และประเด็นสำคัญที่แต่ละทีม นำมาหาเสียง คือเรื่องของ งบประมาณของเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่มีการ”ป่าวประกาศ” กันอย่าง”อึกทึก” ว่ามีถึง 1,600 กว่าล้าน เพื่อที่จะใช้ในการพัฒนาเมืองหาดใหญ่ ในการ”ฟื้นฟู” นครหาดใหญ่ ให้มีความก้าวหน้า กว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ซึ่ง ดร.ไพร พัฒโน อดีตผู้บริหารเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้กล่าวว่า การนำเอาประเด็นงบประมาณ 1,600 กว่าล้าน มา”หาเสียง” เป็นการ หาเสียง ที่ไม่เข้าใจข้อเท็จจริง ไม่รู้เรื่องของ งบประมาณ ที่อาจจะสร้างความ”ไขว้เขว”เกิดขึ้น ในฐานะที่เคย บริหาร และ ลาออก 2 ปี แล้ว แต่ยังมีข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่อยากจะบอกกับคนในพื้นที่ให้เข้าใจว่า งบประมาณที่มีการพูดในการหาเสียงว่า เทศบาลนครหาดใหญ่ มีงบ 1,600 กว่าล้าน เป็นเรื่องจริง แต่เป็นงบประมาณรวมทั้งหมด ที่เป็นตัวเลขกลมๆ ที่ยังไม่มีการแยกแยะ

โดยข้อเท็จจริง ใน 1,600 ล้าน เป็นงบอุดหนุนจากส่วนกลาง 1,000 กว่าล้าน ซึ่งผ่านมือเทศบาลนครหาดใหญ่เข้ามา เพื่อใช้ในการจ่ายให้ ผู้สูงอายุ 156 กว่าล้านบาท งบเพื่อการศึกษา 500-600 ล้านบาท เพราะเทศบาลนครหาดใหญ่มีโรงเรียนในสังกัด 6 โรง มีศูนย์บริบาลผู้ป่วยที่ต้องใช้งบประมาณในการบริหาร เงินเดือนพนักงาน บุคลากร ของเทศบาล 750 ล้านบาท ในปี 2563 เทศบาลจัดเก็บรายได้เองทุกประเภท 53 ล้านบาท รายได้ที่ลดลง เพราะมีการลดภาษีที่ดินร้อยละ 90 เหลือที่จัดเก็บได้แค่ 10 เปอร์เซ็น รวมเบ็ดเสร็จเทศบาลนครหาดใหญ่ ในปี 2563 มีงบพัฒนาเหลืออยู่ไม่เกิน 245 ล้าน โดยประมาณ

เงินเดือนๆสุดท้ายของเจ้าหน้าที่ ในปี 2563 ต้องใช้เงินสะสม การพัฒนาที่ดำเนินการอยู่ต้องตัดจากค่าใช้สอย ซึ่งต้องยอมรับว่า ทุกเทศบาลเดือดร้อนเหมือนกัน จากสภาพของเศรษฐกิจ และจาก โควิด 19 ที่ซ้ำเติมเข้ามา ต้องยอมรับว่าเทศบาลนครหาดใหญ่เอง เก็บรายได้ไม่พอจ่ายเงินเดือน แต่ที่บริหารได้มาจาก งบอุดหนุนจากส่วนกลาง ซึ่งเป็นนโยบายที่ท้องถิ่น”ไม่ตาย แต่ไม่โต” ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ชาวบ้านจะไม่มีความรู้ และไม่เข้าใจดังนั้น เมื่อผู้สมัครหลายทีมนำเรื่องนี้ไปหาเสียง ก็อาจจะทำให้คนฟังเข้าใจผิด เข้าใจว่า เทศบาลนครหาดใหญ่มีเงินเพื่อการพัฒนา 1,600 ถึง 1,700 ล้านบาท ทำไม่จึงไม่พัฒนาให้ดีกว่านี้

ดร.ไพร กล่าวถึงการพัฒนาหาดใหญ่ว่า ไม่เฉพาะแต่”หาดใหญ่” ที่ได้รับผลกระทบจากการ ก้าวกระโดด ของเทศโนโลยี ด้านการสื่อสาร โทรคม การเชื่อมต่อข้อมูลข่าวสาร ผู้ที่ก้าวไม่ทัน ถูกขจัดออกไป มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เรียกว่า”ดิสรัปชั่น” การค้าการทำธุรกิจที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องทำธุรกรรมกับธนาคาร ไม่ต้องมี”แวร์เฮาส์” เป็นการทำธุรกิจที่เรียกว่า”ไดเร็คมาร์เก็ตติ้ง” ตนที่เปลี่ยนแปลงไม่ทัน ก็อยู่ต่อไม่ได้ แต่คนในหาดใหญ่มีคุณภาพ ที่ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ “Gen m” หรือ “gen me “ ยิ่งอายุ 40 กว่าๆ ซึ่งมีอยู่ในหาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีมุมมองที่แตกต่างกับคนรุ่นเก่า จึงเป็นโอกาสที่จะเห็นการพัฒนาใหม่ๆ เกิดขึ้น

เทศบาลไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง ในการที่เข้ามาดำเนินการด้านธุรกิจโดยตรงแต่เทศบาลก็สามารถเข้าไปมีส่วนในการส่งเสริมสนับสนุนเช่น ทำหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์การค้าทั้งเมือง พัฒนาคลองเตยให้เป็นถนนหลังบ้าน เป็นไฮไลท์ ทั้งเมือง เป็น แลนด์มาร์ค ของเมืองหาดใหญ่ ใส่ลูกเล่นเข้าไปนิดหน่อย เพื่อเป็น”จุดขาย” การท่องเที่ยว เหล่านี้เป็นต้น

เหล่านี้คือ “มุมมอง” ของอดีตผู้บริหาร เทศบาลนครหาดใหญ่ ที่มีข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่ต้องการ”สื่อ” ให้คนในหาดใหญ่ เห็นภาพ และ เข้าใจ ทั้งในเรื่องของ งบการพัฒนาเมือง และในโลกของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบกับหาดใหญ่ รวมทั้ง “บริบท” ของ ผู้ที่มีหน้าที่ บริหารเทศบาลนครหาดใหญ่ว่า สุดท้ายแล้วอะไรบ้างที่เป็นหน้าที่โดยตรง และเป็นหน้าที่ โดยอ้อม ส่วน ดร.ไพร พัฒโน จะได้ นำนโยบายที่กล่าวมาทั้งหมดไป ดำเนินการได้หรือไม่ คำตอบอยู่ที่ ประชากรที่มีสิทธิ์ออกเสียงในเทศบาลนครหาดใหญ่ 107,000 กว่าเสียง จะลงคะแนนให้ใคร วันที่ 28 มีนาคม 2564 คืนคำตอบ
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

Related posts