รองนายกฯ “พล.อ.ประวิตร” แถลงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทย 2564 ไทยสมควรได้รับการพิจารณาจัดอันดับดีขึ้น เป็นเทียร์ 2 ในปี 2565 :

รองนายกฯ “พล.อ.ประวิตร” แถลงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทย 2564 ไทยสมควรได้รับการพิจารณาจัดอันดับดีขึ้น เป็นเทียร์ 2 ในปี 2565 :

วันนี้ (11 พ.ค. 65) เวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดีและการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. 2565 รวมทั้งแถลงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทย ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีนางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงานและชี้แจงวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการดังกล่าว ทั้งนี้ มีนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) ผู้บริหารหน่วยงาน ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ องค์การระหว่างประเทศ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน รวมจำนวนกว่า 500 คน

พลเอก ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความร้ายแรงของอาชญากรรมค้ามนุษย์ โดยประกาศให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2558 กำหนดให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องบูรณาการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป และสร้างเครื่องมือเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานของทุกภาคส่วนให้ประสานสอดคล้องกัน โดยได้รับการสนับสนุนทางวิชาการในการพัฒนากลไกการส่งต่อระดับชาติ มาตรฐานและวิธีปฏิบัติ คู่มือต่างๆ จากองค์การระหว่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 65 รัฐบาลได้ประกาศใช้แผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. 2565 เพื่อกำหนดวิธีและขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน ให้ผู้ปฏิบัติทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ ตามหลักสิทธิมนุษยชนและพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งแผนปฏิบัติการฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือให้ผู้ปฏิบัติงานในทุกระดับได้ใช้ปฏิบัติงานในเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพมีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

พลเอก ประวิตร กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของรัฐบาลในปี 2564  – มีนาคม 2565 รัฐบาลได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ตามข้อเสนอแนะสำคัญ 15 ข้อในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา โดยมีผลความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม

อาทิ 1) ด้านดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่

1.1 การพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการสืบสวนและสอบสวนคดีค้ามนุษย์ 1.2 การจัดทำแนวทางปฏิบัติและคู่มือสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 1.3 การจัดชุดผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์ เป็นชุดสนับสนุนและร่วมปฏิบัติกับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่และส่วนกลาง 1.4 การนำแนวทางกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) มาใช้ในการคัดกรองเบื้องต้น และคัดแยกของทีมสหวิชาชีพ การให้บริการที่เพียงพอแก่บุคคลที่สันนิษฐานว่าเป็นผู้เสียหาย 1.5 การปรับระบบงานในการเผชิญเหตุเมื่อรับแจ้งเหตุ และ 1.6 การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์

2) ด้านคุ้มครองช่วยเหลือ ได้แก่

2.1 การจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ณ สถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อคุ้มครองชั่วคราวสำหรับผู้เสียหายหรือบุคคลที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าเป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ 2.2 การลดระยะเวลาโดยเฉลี่ยในการคุ้มครองผู้เสียหายจาก 158 วัน ในปี 2563 เป็น 143 วัน ในปี 2564 เนื่องจากประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินคดีที่รวดเร็ว 2.3 การให้อิสระผู้เสียหายในการเดินทางเข้า-ออกสถานคุ้มครองฯ และใช้เครื่องมือสื่อสาร 2.4 การจัดให้ทีมสหวิชาชีพ ประเมินความพร้อมของผู้เสียหายรายบุคคล 2.5 การพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่สถานคุ้มครองทุกแห่งให้ใช้แนวทางการเขียนรายงานบาดแผลทางจิตใจ (Victim Impact Statement: VIS) และ 2.6 การจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างพนักงานอัยการ ผู้เสียหาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรภาคเอกชน ที่ทำงานในการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์ เพื่อช่วยเหลือคุ้มครองสิทธิให้แก่ผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์ พลเอก ประวิตร กล่าวต่อไปอีกว่า

3) ด้านป้องกัน ได้แก่

3.1 การออกกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. 2565 โดยกำหนดให้นายจ้างต้องจัดทำสัญญาจ้างเป็นภาษาไทยและภาษาที่ลูกจ้างซึ่งเป็นคนต่างด้าวเข้าใจได้ 3.2 การยกระดับศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงานให้มีสถานะเป็นหน่วยงานที่สามารถขับเคลื่อนการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงานได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ และ 3.3 การแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจต่อต้านการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน จำนวน 13 คน เพื่อเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเบาะแส ข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งข่าว นอกจากนี้ รัฐบาลได้ริเริ่มโครงการสำคัญ (Flagship Project) เพิ่มเติม เพื่อยกระดับมาตรฐานการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) การจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วย กลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. 2565  2) การจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ระดับประเทศให้เป็นศูนย์เตรียมความพร้อมก่อนการคัดแยกผู้เสียหาย ใช้เป็นสถานที่คัดกรองและคัดแยกผู้ที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าอาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย เป็นศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของรัฐบาล และเป็นศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ประชุมคาดการณ์ว่าจะเปิดดำเนินการในปลายปี 2565 และ 3) ออกมาตรการเชิงรุกด้านการป้องกันเด็กจากการค้ามนุษย์

พลเอก ประวิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงานในช่วงสถานการณ์โควิด – 19 ที่มีการประกาศมาตรการล็อคดาวน์ ส่งผลให้อาชญากรรมต่างๆ ลดลงทุกประเภทในช่วงปี 2563 และ 9 เดือนแรกของปี 2564 อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการในช่วงตุลาคม – ธันวาคม 2564 สามารถสืบสวนจับกุมคดีค้ามนุษย์ ได้ถึง 188 คดี ซึ่งสูงกว่าปี 2563 โดยเฉพาะคดีทางสื่อออนไลน์ และได้ปรับรูปแบบการทำงานเป็นแบบออนไลน์ ได้แก่ การคัดแยกผู้เสียหาย การประชุมค่าสินไหมทดแทน การพิจารณาคดีของศาล เป็นต้น ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างชัดเจนของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างยั่งยืน ดังนั้น ประเทศไทยสมควรได้รับการพิจารณาจัดอันดับดีขึ้น เป็นเทียร์ 2 ในปี 2565

นางพัชรี กล่าวว่า สำหรับแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. 2565 ได้จัดทำและกำกับการดำเนินงานโดยคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (คกก.ปกค.) โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในทุกขั้นตอนของกลไกการส่งต่อระดับชาติ แนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการคดี และการกำกับและติดตามแผนปฏิบัติการฯ รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานใช้เป็นกรอบแนวทางและขั้นตอนการปฏิบัติ ตลอดจนจัดสรรงบประมาณและบุคลากรให้เพียงพอเหมาะสม และประสานสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน

Related posts