รวบต่างชาติ ชาวรัสเซีย ภัยอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธแลกเปลี่ยนเงินตรา :

รวบต่างชาติ ชาวรัสเซีย ภัยอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธแลกเปลี่ยนเงินตรา :

วันที่ 8 ก.ค.67 เวลา 06.00 น. พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.กวิณวัชร์ อารยะสุริวงศ์ รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี สั่งการให้ พ.ต.ท.วีระชัย ถิ่นกมุท สว.ตม.จว.ชลบุรี ร.ต.อ.วิรัช ปัฎธรรมวงศ์ ร.ต.ท.ปราโมทย์ เฟื่องฟุ้ง รอง สว.ตม.จว.ชลบุรี พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน ตม.จว.ชลบุรี จับกุมตัวชาวรัสเซียนำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธแลกเปลี่ยนเงินตรา

  1. วัน เวลา ที่จับกุม : 8 ก.ค.67 เวลา 06.00 น.
  2. สถานที่ จับกุม : บริเวณ SOTA RESIDENCE INN เลขที่ 378/475-476 พระตำหนัก ซอย 6 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
  3. ผู้ถูกจับกุม : Mr.Abdulkhakim Khasanov อายุ 29 ปี สัญชาติ รัสเซีย ถือหนังสือเดินทางหมายเลข 763415425 ประเภท ผ.60 ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 7 ก.ค.67(2024) การอนุญาตสิ้นสุด 1 วัน
  4. ความผิดฐาน : 4.1 เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด (1 วัน) 4.2 “ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ผู้นั้นกระทำผิดฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 ” , “มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศ สกุล (ยูโร) อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247 ”
  5. ของกลาง : 5.1 หนังสือเดินทางประเทศรัสเซียเลขที่ 763415425  5.2 กระเป๋าคาดอก PRADA สีดำ 1 ใบ ผู้ต้องหากำลังสะพายคาดอกขณะถูกจับกุม  5.3 เงินสกุลยูโร (ปลอม) จำนวน 86 ฉบับ พบอยู่ในกระเป๋าของกลางลำดับที่ 2 ฉบับละ 500 ยูโร 6 ฉบับ ฉบับละ 50 ยูโร 80 ฉบับ
  6. พฤติการณ์การจับกุม : ตามวันเวลาก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจาก น.ส.เอ(นามสมมุติ สัญชาติไทย อายุ 38 อยู่ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ ชลบุรีว่ามีคนนำธนบัตรยูโรปลอมมูลค่า 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาแลกที่ร้านและเงินของตนซึ่งเป็น ตู้แลกเงินที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรมพัทยาปาร์ค พระตำหนักซอย 6 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบ นายจารุวิทย์ วรเจริญรัตน์ ซี่งเป็นลูกจ้างของผู้แจ้งทำงานเป็นพนักงานรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอยู่ ซึ่งเป็นตู้รับแลกเปลี่ยนเงินของบริษัทชีเนท เอ็กซ์เซ้นจ์ จำกัด ซอย 6 ของผู้แจ้ง ว่าได้มีชายไทยชื่อนายหัศศพล รอดนิกรณ์ สัญชาติไทย อายุ 41 ปี ที่อยู่ 39 หมู่ 9 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้นำเงินสกุลยูโร จำนวน 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินของตน ได้เงินสกุลบาทไปจำนวน 19,012 บาท เมื่อนายจารุวิทย์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับแลกเงินดังกล่าวได้ตรวจสอบธนบัตรอีกครั้งโดยใช้ปากกาเคมีสำหรับตรวจสอบธนบัตรพบว่าเป็นธนบัตรสกุลยูโรปลอม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรีบติดตาม นายหัศศพลฯ ได้ให้ถ้อยคำว่าตนเองเป็นพนักงานดูแลต้อนรับ(รีเชฟชั่น) ให้กับโรงแรมดังกล่าว โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวได้รับมาจากนาย ABDULKHAKIM KHASANOV อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย เพื่อจ่ายเป็นค่ามัดจำที่พักเนื่องจากคนต่างด้าวเข้าพักมาเป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์แล้วยังไม่ได้ชำระเงิน ต่อมาคนต่างด้าวได้นำธนบัตร 500 สกุลยูโร หมายเลข N11533983474 ดังกล่าว นำมาขอให้ นายหัศศพลฯ เป็นผู้นำไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินดังกล่าว โดยนายหัศศพลฯ ไม่ทราบว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม พร้อมทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจสอบ และทางผู้เสียหายว่า คนต่างด้าวดังกล่าวคนที่เป็นผู้ที่ให้ธนบัตรฉบับละ 500 ยูโรปลอมดังกล่าว กับตน ไปทำการแลกเป็นสกุลเงินบาทว่าคนต่างด้าวยังพักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรมฯห้องเลขที่ 403 ของ โรงแรม SOTA RESIDENCE INN พร้อมทั้งสมัครใจได้นำผู้เสียหาย และเจ้าหน้าที่ขึ้นไปเชิญตัวคนต่างด้าวดังกล่าวลงมาที่หน้าฟร้อนของโรงแรม เมื่อพบคนต่างด้าวได้จึงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน และแสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว พร้อมทั้งขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางบุคคลต่างด้าวดังกล่าวไม่สามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้โดยอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าหนังสือเดินทางของตนอยู่ที่โรงแรมที่พักเก่าเนื่องจากยังไม่ได้จ่ายค่าที่พักให้กับทางโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวบุคคลทั้งสองมาที่ ตม.จว.ชลบุรี ซึ่งทั้งสองพร้อมมาที่ ตม.จว.ชลบุรี ด้วยความสมัครใจ เมื่อตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ สตม. ปรากฏว่ามีประวัติเดินทางเข้าออก และยอมรับว่าชื่อนาย ABDULKHAKIM KHASANOV อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย ถือหนังสือเดินทางประเทศรัสเซียเลขที่ 763415425 เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่  9 พฤษภาคม 2567 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 7 กรกฎาคม 2567 การอนุญาตสิ้นสุด 1 วัน ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบ แต่คนต่างด้าวแสดงท่าทางมีพิรุธ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คนต่างด้าวเปิดกระเป๋าสีดำที่คนต่างด้าวนำติดตัวมาโดยคาดติดกับหน้าอกของคนต่างด้าวผู้ถูกกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงขอให้คนต่างด้าวเปิดกระเป๋าคาดอกสีดำ เมื่อคนต่างด้าวเปิดออกมาพบว่ามีเงินสกุลยูโรอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ให้คนต่างด้าวนำออกมาแสดงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ,ผู้สื่อข่าว และผู้เสียหาย พบว่ามีธนบัตรฉบับละ 500 ยูโร อีกจำนวน 5 ฉบับ และธนบัตรฉบับละ 50 ยูโร อีกจำนวน 80 ฉบับ รวมเป็นจำนวน เงิน 6,500 ยูโร ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การยอมรับว่าเงินสกุลยูโรจำนวนดังกล่าวทั้งหมด เป็นของปลอม โดยตนได้นำติดตัวมาจากเมืองอีสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีเพื่อนที่ตุรกีให้นำติดตัวนำมาใช้จ่ายในประเทศไทย และตนเองได้นำเงินสกุลดังกล่าวมาใช้เป็นค่ามัดจำที่พักกับทางโรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับคนต่างด้าวผู้ถูกจับกุมทราบว่า เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด (1 วัน) และ “ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นผู้นั้นกระทำผิดฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 ” และ “มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247 ” ผู้ถูกจับให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และทราบสิทธิดี พร้อมทั้งทำบันทึกจับกุมนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Related posts