“ดร.มหานิยม” ประธานร่วมเปิดงาน 53 ปี แห่งความก้าวหน้า : การแข่งขันทักษะวิชาการระดับชาติ พระปริยัติธรรม ครั้งที่ 12 ที่ มจร. :

ดร.มหานิยม” ประธานร่วมเปิดงาน 53 ปี แห่งความก้าวหน้า : การแข่งขันทักษะวิชาการระดับชาติ พระปริยัติธรรม ครั้งที่ 12 ที่ มจร. :

วันที่ 13 มกราคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก “รศ.ดร.ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เข้าร่วมเป็นประธานเปิดงานการแข่งขันทักษะทางวิชาการ ครั้งที่ ระดับประเทศ 12 ภายใต้แนวคิด “53 ปี พระปริยัติธรรมก้าวหน้า ด้วยสายธารแห่งพระเมตตา” โดยการจัดงานครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ซึ่งงานดังกล่าวมี “สมเด็จพระธีรญาณมุนี” ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเฉลิมฉลองความก้าวหน้าของการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ดำเนินมาครบ 53 ปี ซึ่งถือเป็นการผสานองค์ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ดร.นิยม กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานครั้งนี้ว่า เพื่อยกระดับการศึกษาพระปริยัติธรรมให้มีความเข้มแข็งและทันสมัย โดยมุ่งเน้น 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพผู้เรียนทั้งด้านพระพุทธศาสนาและวิชาการสมัยใหม่ การสร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสถาบันการศึกษา การเชื่อมโยงเครือข่ายการศึกษาพระปริยัติธรรมทั่วประเทศ และการส่งเสริมนวัตกรรมการเรียนการสอนที่ทันสมัย

“การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 มกราคม 2568 โดยมีกิจกรรมหลากหลายประเภทที่ครอบคลุมทั้งด้านพระพุทธศาสนาและวิชาสามัญ เช่น การแข่งขันตอบปัญหาพระพุทธศาสนา การประกวดสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ การแข่งขันทักษะภาษาบาลี การแข่งขันทักษะวิชาการด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ รวมถึงการประกวดโครงงานนวัตกรรม”

“ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการจัดงานในครั้งนี้ ได้แก่ การยกระดับมาตรฐานการศึกษาพระปริยัติธรรม เสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา นอกจากนี้ ยังช่วยสืบทอดและเผยแผ่พระพุทธศาสนา สร้างศาสนทายาทที่มีคุณภาพ และนำเสนอหลักธรรมคำสอนในรูปแบบร่วมสมัย อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน และเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน”

ดร.นิยม กล่าวอีกว่า มีตอนหนึ่งของโอวาทท่านประธานสงฆ์ ได้ให้โอวาทที่สำคัญก็คือโรงเรียนปริยัติธรรมไม่ควรเป็นโรงเรียนทางเลือกต้องมีคุณสมบัติที่เทียบเท่าหรือมากกว่าของสายปกติ ซึ่งตนมองว่าหากพิจารณาจะทำให้การศึกษาของโรงเรียนปริยัติธรรมเข้มแข็ง จะต้องประกอบด้วย ครูที่มีความรู้ความสามารถเป็นแม่แบบแม่พิมพ์ให้กับนักเรียนได้เป็นอย่างดี รวมถึงงบประมาณที่จะสนับสนุนจะต้องเพียงพอ สำหรับบุคลากรครูอาจารย์ที่จะสามารถเป็นแม่พิมพ์ที่ดีได้นั้น จะเห็นว่าในต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรปและอเมริกา ให้ค่าสอนกับครูผู้ทรงคุณวุฒิ ในราคาที่แพงที่สุดอันดับต้นของประเทศ ตนมองว่าควรจะเพิ่มการสอนออนไลน์นำอาจารย์จากชั้นดังของโลกมาสอน รวมถึงการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ เช่น จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ อินเดีย ศรีลังกา รวมถึงประเทศรอบข้างของเรา จะทำให้สร้างวิสัยทัศน์ที่นักเรียนจะก้าวเข้าสู่ยุค AI อย่างไรก็ดีตนจะผลักดันโครงการเสนอต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป

Related posts